Flood Remedy

flood problem ปัญหาน้ำท่วมกับการแก้ไขที่ยั่งยืน

ปัญหาน้ำท่วมหลายที่เกือบทุกภาคของประเทศไทย ต่างได้รับผลกระทบกับปัญหาน้ำท่วมแทบทุกที่ นักวิชาการ นักการเมือง ใครๆต่างก็พูดถึงแทบทุกวัน และหลายๆคนต่างพยายามหาวิธีการแก้ไขหรือค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมแทบทุกปี ซ้ำยังมีแนวโน้มว่ามันจะสูงขึ้นๆทุกๆปีอีกด้วย บ้างก็บอกเป็นปัญหาโลกร้อน บ้างก็ว่าเป็นเพราะการตัดไม้ทำหลายป่า บ้างก็ว่าเป็นเพราะน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย จนทำให้ปริมาณของน้ำทะเลมีปริมาณมากยิ่งขึ้น ทำให้น้ำทะเลล้นออกมาท่วมพื้นดินมากขึ้นตามมา

แต่ผมมองว่า เรื่องที่หลายๆท่านกล่าวมาก็เป็นบางส่วน ใช่ว่าจะทั้งหมด และใช่ว่ามนุษย์จะแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ซะทีเดียว ผมเองไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์ก็น่าจะเป็นการเรียนรู้และสังเกตุจากสิ่งแวดล้อมรอบๆของตัวเรานั่นเอง

หากเราลองหลับตา และคิดดูย้อยหลังไปเมื่อ100 ปีขึ้นไป โลกของเราคงจะมีต้นไม้มากมาย ที่เขียวชะอุ่มเต็มไปหมดและพื้นดินก็คงจะชุ่มชื้นมีน้ำไหลซึมตามป่าเขาตลอดทั่งปี ฝนก็คงจะตกเรื่อยๆทั่วทั่งปีเช่นกัน แล้วทำไมไม่เห็นคนแก่คนเฒ่าเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนน้าท่วมสูงจนมิดหลังคาบ้านเหมือนปัจจุบัน

แล้วเราเคยมองกลับไปไหมว่า สมัยเด็กๆเราเคยเห็นแม่น้ำลำคลอดต่างๆมันลึกมาก บางที่เคยมีคนเอาไม้ไผ่ไปวัดความลึกดู บางแห่งลึกจนเกือบสุดลำไม้ไผ่ เนินบางแห่งเรารู้สึกว่ามันสูงชั่นมาก บางคนปั่นจักรยานขึ้นไม่ไหว หมดแรงก่อนจนต้องลงมาจูงเอาก็เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ทุกวันนี้เราก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สูงชั่นอะไรมากมายเช่นก่อนมา และผมเองก็ยังไม่เคยเห็นใครเดินจูงจักรยานตามข้างถนนขึ้นเนินแห่งนั้นอีกเช่นกัน แม่น้ำลำคลอง หนองน้ำต่างๆที่เคยเห็นลึกๆ ปัจจุบันก็สามารถเดินข้ามได้สบายแม้จะเป็นช่วงหน้าฝนก็ตาม

แสดงว่ากาลเวลาผ่านไป แม่น้ำลำคลอง หนอง น้ำต่างๆมันตื้นขึ้น จากการทบถมและการซะล้างของน้ำที่ไหลลงมานั้นเอง แค่คลองเล็กๆบางแห่งในกรุงเทพ เคยเห็นคนเดินลงไปขี้เลนสูงเกือบถึ่งสะเอว ขนาดมีการขุดลอกอยู่บ่อยๆยังสูงขนาดนี้ แม่น้ำขนาดใหญ่หลายๆสาย เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำชี แม่น้ำโขง เป็นต้น ที่ไม่เคยมีการขุนลอกมาเลย หลายร้อยหลายพันปี มันก็คงจะตื้นขึ้นอาจจะหลาย 10 เมตร และความกว้างแม่น้ำบางสายก็กว้างมากเป็นหลายร้อยเมตรก็ยังมี

ถ้าเราสมมติว่าแก้วน้ำ 1 ใบ เป็นลำคลองหรือหนองน้ำแห่งหนึ่ง ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาก็เท่ากับน้ำแก้วหนึ่งเหมือนกัน เมื่อเราเทน้ำฝนลงในลำคลอง มันก็รองรับน้ำได้พอดี แต่ถ้าลำคลองมันเริ่มตื้นขึ้น เหมือนเราเทน้ำฝนในปริมาณเท่าๆเดิมลงไปในลำคลอง น้ำก็จะเริ่มไหลออก

โครงการแก้มลิงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หัว ที่ให้ทำไว้สำหรับรองรับกับปริมาณน้ำที่มากเกินไป แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าเราออกรูปแบบของการทำแก้มลิงมาใช้ในหนองน้ำ ลำคลอง หรือทะเลละ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่หน้าดินมากยิ่งขึ้น การขุดดินออกให้แม่น้ำลำคลองลึกมากขึ้น ก็เท่ากับป็นการทำแก้มลิง ให้ลำคลองหรือแม่น้ำสายต่างๆรองรับน้ำได้ในปริมาณมากยิ่งขึ้น และน้ำก็จะไหลลงคลองไม่ท่วมออกมาด้านนอกอีก การระบายน้ำให้ไหลลงทะเลก็เร็วขึ้น เมือแม่น้ำลำคลองลึกขึ้น การกักเก็บน้ำก็ได้ปริมาณที่เยอะ เมื่อถึงหน้าแล้งก็มีน้ำใช้ได้ตลอดทั่งปีเช่นกัน เป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ยังได้แก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกในหน้าแล้งได้อีกด้วย

ตอนเด็กๆเราเคยเล่นน้ำฝนเมื่อฝนหยุดตกมันจะมีน้ำไหลและนองอยู่ หลายคนคงจะเคยเล่นขุดดินหรือทำเป็นเขื่อนกั้นน้ำไว้เล็กๆ พอกั้นทางน้ำไหลเสร็จน้ำก็จะเริ่มนองมากยิ่งขึ้น แต่พอเราขุดดินเล่นทำเป็นหลุมเป็นคลองสายต่างๆน้ำก็จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ ยิ่งขุดหลายจุดน้ำก็ไหลลงมาก ยิ่งมีขนาดที่ใหญ่น้ำก็ไหลลงและกักน้ำได้มากยิ่งขึ้น จนพื้นดินที่น้ำท่วมอยู่ก็เริ่มมองเห็นพื้นดินโพล่ขึ้นมาจนสุดท้ายน้ำก็ไหลลงไปตามหลุมและคลองที่เราขุดไว้จนหมด และพื้นดินก็เริ่มแห้ง เหลือเพียงน้ำในร่องและตามหลุมที่เราขุดออกนั่นเอง แสดงว่าพื้นดินที่เราขุดออกมันแทนที่ด้วยปริมาณของน้ำที่เท่าๆกัน

ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย จะสังเกตุเห็นว่ามันจะท่วมตามจังหวัดหรือพื้นที่ที่ติดกับลำคลอง และแม่น้ำสายต่างๆ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำชี แม่น้ำโขง เป็นต้น แม่น้ำแต่ละสายยาวหลายร้อยกิโลเมตร และก็กว้างหลายร้อยเมตรอีกเช่นกัน หากทำการขุดดินออกจากแม่น้ำแต่ละสายให้ลึกลง 1 เมตร น้ำที่ท่วมตามบ้านเรือนต่างก็จะไหลลงแม่น้ำได้ตามปริมาณที่ขุดดินออกเช่นกัน ความยาวของแม่น้ำยาวหลายร้อยกิโลเมตร ก็ลองคิดดูว่าน้ำจะไหลลงได้เยอะขนาดไหน เผลอๆอาจมากกว่าความจุของเขื่อนขนาดใหญ่ด้วยซ้ำ การขุดดินออกจากแม่น้ำลำคลองต่างๆจึงเท่ากับว่าเราได้ทำแก้มลิงเพื่อรองรับน้ำ ตามโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของท่านอีกด้วย

ice problem dissolves ปัญหาน้ำแข็งจากขั่วโลกละลาย หลายประเทศทั่วโลกต่างก็กังวน ว่ามันจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมโลกของเรา วิธีแก้ไขก็ต้องขุดดินออกจากทะเลเหมือนกัน มีหลายประเทศที่ทำการถมทะเลลงไป ยิ่งจะทำให้ความจุของพื้นที่น้ำทะเลลดลง การถมทะเลบางครั้งก็จำเป็น แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย เพียงแต่เราต้องเอาดินที่อยู่ในทะเลมาถมแทนดินที่อยู่บนบก หากจะเอาดินลงไปถม 100 คันรถ ก็ต้องขุดดินออกจากทะเล 100 คันรถเหมือนกัน

ปัญหาน้ำแข็งที่ละลายสาเหตุหลักก็อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าโลกของเราร้อนขึ้น แล้วมันร้อนขึ้นก็เพราะสาเหตุอะไร หลักๆมันเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมใช่ไหม เกิดจากการใช้แอร์มากขึ้นใช่ไหม เกิดจากรถยนต์ใช่ไหม เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าใช่หรือไม่ ถ้าทุกข้อเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ใครที่มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นก็ต้องจ่ายเงินชดเชยเพิ่มขึ้นเมือนกัน เพื่อทำเงินส่วนนั้นมาใช้เป็นกองทุนแก้ไขปัญหาโลกร้อนโคยตรง เช่น ซื้อรถขุดดิน จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับคนที่ทำการเกษตร หรือคนที่ช่วยปลูกต้นไม้ พวกยางพารา หรือสวนผลไม้ต่างๆเป็นต้น

น้ำแข็งขั่วโลกที่ละลายมีขนาดใหญ่ขนาดไหน เราก็ต้องขุนดินออกจากทะเลให้มีปริมาณมากขนาดนั้น เพื่อรองรับการละลายของน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง นอกจากการขุดแล้วการเร่งปลูกต้นไม้เพื่อป้องกันการพังทะลายของหน้าดินก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กัน เพื่อไม่ให้แม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเลตื้นเร็วมากเกิน การแก้ปัญหาควรจะเน้นเรื่องการขุด แล้วเราก็จะได้การถมไปในตัว พูดง่ายๆก็คือ เมือเราขุดดินจากแม่น้ำลำคลอง หรือทะเลขึ้นมา เราก็จะได้ดินมาทำการถมถนนหรือส่วนที่ต่ำๆให้สูงขึ้น เมื่อแม่น้ำลำคลองลึกขึ้น การกักเก็บน้ำก็ได้เยอะพอถึงช่วงน่าแล้งก็มีน้ำใช้ทำการเกษตรได้ตลอดทั่งปี

  วิธีต่อมา คือการทำสะพานน้ำ

   สะพานน้ำเป็นนโยบายที่รัฐบาลคิดว่าจะทำเพื่อใช้ในภาคการเกษตร หากทำสะพานน้ำเสร็จ นอกจากจะช่วยภาคการเกษตรได้แล้ว หน้าฝนยังใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำออกได้ดวย

   วิธีสุดท้ายข้อนี้เป็นการแก้ไขปัญหาน้ำขัง และช่วยระบายน้ำออกได้เร็วมากขึ้น คือ การใช้หลักหรือรูปแบบการผ่าตัดหรือการทำบายพาสมาใช้ อาจจะทำเป็นอุโมงก็ได้

    บทความนี้เป็นมุนมองอีกส่วนหนึ่ง ในการที่จะช่วยกันคิดแก้ไขปัญหา หากว่ามันจะเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์บ้าง หรือใครจะช่วยคิดต่อยอดก็ลองๆช่วยๆกันครับ

   coinclub.blogspot.com

MR.WICHAI THINPRASAT

1-10-2011

ISUZU ENGINE THAILAND